Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อ ศึกษาและเปรียบเทียบสภาพปัญหาการปฏิบัติงานบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 ตามความคิดเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้างานบริหารงบประมาณ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้างานบริหารงบประมาณในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 จำนวน 280 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .9816 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานใช้ Independent samples t- test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One – way Analysis of Variance) และเมื่อพบความแตกต่างจึงทำการเปรียบเทียบเป็นรายคู่ในแต่ละด้านตามวิธีของเชฟเฟ (Scheff’s test) กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการวิจัย พบว่า 1. ผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้างานบริหารงบประมาณ มีความคิดเห็นต่อสภาพปัญหาการปฏิบัติงารบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคล โดยรวม มีปัญหาอยู่ในระดับน้อย เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับน้อย ยกเว้น ด้านการจัดทำและเสนอของบประมาณ ด้านการจัดสรรงบประมาณ และด้านการตรวจสอบติดตามประเมินผลและรายงานผลการใช้เงินและผลการดำเนินงาน ที่มีปัญหาอยู่ระดับปานกลาง และเรียงตามลำดับจากด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงไปหาต่ำ คือ 1) ด้านการจัดสรรงบประมาณ 2) ด้านการตรวจสอบติดตามประเมินผลและรายงานผลการใช้เงินและผลการดำเนินงาน 3) ด้านการจัดทำและเสนอของบประมาณ 4) ด้านบริหารการเงิน 5) ด้านการระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา 6) ด้านการบริหาบัญชี 7) ด้านการบริหารพัสดุและสินทรัพย์ 2. ผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้างานบริหารงบประมาณ มีความคิดเห็นต่อปัญหาการปฏิบัติงารบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคล โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน 3. ผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้างานบริหารงบประมาณ ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานศึกษาที่มีขนาดต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการปฏิบัติงารบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคล โดยรวมและรายด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4. ผู้อำนวยการสถานศึกษาและหัวหน้างานบริหารงบประมาณ ให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สรุปข้อเสนอแนะสูงสุดเป็นรายด้าน ดังนี้ 1) ด้านการจัดทำและเสนอของบประมาณ สถานศึกษาควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนงบประมาณเป็นการเฉพาะ 2) ด้านการจัดสรรงบประมาณ การจัดสรรงบประมาณจากทางราชการยังล่าช้าส่งผลให้การใช้จ่ายงบประมาณของโรงเรียนล่าช้าไปด้วย 3) ด้านการตรวจสอบติดตามประเมินผลและรายงานผลการใช้เงินและผลการดำเนินงาน ควรมีการประเมินผลและจัดทำรายงานโครงการต่อผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน 4) ด้านการระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา ควรเปิดโอกาสให้หน่วยงานอื่นมีส่วนร่วมในการลงทุน 5) ด้านบริหารการเงิน ควรมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานการเงิน โดยตรงและเพียงพอ 6) ด้านการบริหาบัญชี ควรมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานบัญชีโดยตรงและเพียงพอ 7) ด้านการบริหารพัสดุและสินทรัพย์ บุคคลากรที่ปฏิบัติงานด้านพัสดุมีไม่เพียงพอส่งผลต่อการควบคุมการเบิกจ่ายเป็นไปอย่างไม่คล่องตัว