การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน เรื่อง การแก้
โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ 80 /80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนก่อนและหลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 6 3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จาก
การเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการเรียน
ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการดำเนินการวิจัยใน
ครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดบ้านบุขี้เหล็ก อำเภอลำปลายมาศ สำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 จำนวน 26 คน ซึ่งได้มาโดยใช้วิธีเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive
Sampling) และใช้เครื่องมือที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ
การทดสอบสมมติฐานการวิจัยโดยใช้ค่าคะแนนทีแบบ Dependent Samples t-test ผลการวิจัยพบว่า 1) บทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ
83.85/83.33 2 ) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง
การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 3) ดัชนีประสิทธิผล
ของความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนมีค่าเท่ากับ 0.6774 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.74 4) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย
สอน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับมาก
The aims of this study were 1) to study if the efficiency of a computer-assisted instruction lessons
entitled “Mathematic Problem Solving” for Prathomsuksa 6 students meet the 80/80 criteria; 2) to compare
learning achievement before and after the treatment; 3) to study the effectiveness index of the computerassisted
instruction lessons; and 4) to study the satisfaction of the students learned with the lessons.
The samples of the study were 26 fourth grade students studying at Wadbanbukeelek School, Lamplaimas
District, Buriram Province recruited by purposive sampling. The collected data was analyzed through
percentage, means, and standard deviation. The researcher found that 1) the efficiency of the lessons was83.85/83.33; 2) the learning achievement of the students after the treatment was higher than before the
treatment at the .01 level of statistical significance; 3) the effectiveness index of the lessons was 67.74%; 4)
the students’ satisfaction level was high.